วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

มงคลสูตรคำฉันท์

มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดี คำสอน ผลงานพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงนำหลักธรรม ที่เป็นพระคาถาบาลีจากพระไตรปิฏกตั้งแล้วแปลถอดความเป็นคำประพันธ์ที่ไพเราะ มีความงดงามทั้งด้านเสียงและความหมาย สามารถ

จดจำได้ง่าย มงคลสูตรคำฉันท์นี้จะเกิดแต่ตัวเราเองได้ก็ต้องเป็นผลมาจากการประพฤติ ปฏิบัติดีของตนเองเท่านั้น หาได้มาจากปัจจัยอื่นเลย

ผู้แต่ง  พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลักษณะคำประพันธ์
กาพย์ฉบัง 16 และอินทรวิเชียรฉันท์ 11 แทรกคาถาบาลี

จุดมุ่งหมายในการแต่งเพื่อให้ตระหนักว่าสิริมงคลจะเกิดแก่ผู้ใดก็เพียงผลมาจากการปฏิบัติของตนทั้งสิ้น
ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดจะทำให้เกิดสิริมงคลแก่เราได้  นอกจากตัวเราเอง

แนวคิดสำคัญความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เกิดจากการประพฤติปฏิบัติของตนเองทั้งสิ้น หาได้เกิดจากผู้อื่น สิ่งอื่น หรือวัตถุโชคลางใดๆ จากภายนอก
มงคล หมายถึง เหตุทั้งหลายอันจะทำให้บรรลุถึงความเจริญแห่งสมบัติทั้งปวง เหตุแห่งความเจริญหรือทางก้าวหน้า มีทั้งหมด 38 ประการ
มงคลสูตร เป็นพระสูตรในขุททกนิกาย หมวดขุททกปาฐ พระธรรมเล็กๆน้อยๆ

คุณค่าที่ได้รับจากการอ่าน1. ได้ทราบวิธีปฏิบัติตนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
2. มีคุณค่าทางด้านสังคม เพราะข้อปฏิบัติทุกข้อในมงคลสูตรล้วนมีค่าควรประพฤติปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้บุคคลและสังคมเจริญก้าวหน้า
3. ได้ศึกษาภาษากวีนิพนธ์ที่สละสลวย ไพเราะทั้งถ้อยคำและเนื้อความ

ค่านิยม
มงคลทั้ง 38 ประการ ล้วนเป็นค่านิยมทางพระพุทธศาสนา ค่านิยมสูงสุดทางพระพุทธศาสนาก็คือ นิพพาน การดับพร้อมไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป

ความเป็นมา
 เมื่อ พ.ศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงนำมงคลสูตร
 มาทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทร้อยกรองประเภทคำฉันท์  โดยใช้คำประพันธ์ 2 ชนิด
 คือ  กาพย์ฉบัง 16 และอินทรวิเชียรฉันท์ 11 ทรงนำคาถาภาษาบาลีจากพระไตรปิฏกตั้ง
 แล้วแปลถอดความเป็นร้อยกรองภาษาไทย  ได้ถูกต้องตรงตามบังคับในฉันทลักษณ์
 โดยไม่เสียเนื้อความจากพระคาถาบาลี  การจัดวางลำดับของมงคลแต่ละข้อก็เป็นไปตาม
 ที่ปรากฏอยู่ในพระคาถาเดิม  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านภาษาได้อย่างดียิ่ง

เนื้อเรื่องย่อย 
พระอานนท์ เป็นผู้เล่าว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวันวิหารซึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย ตอนปฐมยาม มีเทวดารัศมีเจิดจ้ามาเข้าเผ้าพระพุทธองค์ ทูลถามถึงเรื่องมงคลพระพุทธเจ้าจึงตรัสเทศนาถึงมงคล ๓๘ ประการ เทวดาและมนุษย์ผู้ปฎิบัติตาม จะเป็นผู้ประเสริฐ ไม่แพ้ในที่ใดๆได้รับความเจริญสวัสดีทุกประการ

มงคล ๓๘ ประการ เทียบกับคำฉันท์ ได้ดังนี้
๑. ไม่คบคนพาล ----- หนึ่งคือ บ่ คบคนพาล จะพาประพฤติผิด
๒. คบบัณฑิต
 ----- หนึ่งคบกะบัณฑิต  เพราะจะพาประสบผล
๓. บูชาผู้ที่ควรบูชา
 ----- หนึ่งกราบก่อนบูชา  อภิปูชนีย์ชน
๔. อยู่ในประเทศอันสมควร
 ----- ความอยู่ประเทศซึ่ง  เหมาะและควรจะสุขี
๕. เคยทำบุญไว้กาลก่อน
 ----- อีกบุญญะการที่  ณ อดีตะมาดล
๖. ตั้งตนไว้ชอบ
 ----- อีกหมั่นประพฤติควร ณ สภาวะแห่งตน
๗. สดับตรับฟังมาก
 ----- ความได้สดับมาก และกำหนดสุวาที
๘. มีศิลปะ
 ----- อีกศิลปศาสตร์มี จะประกอบมนุญการ
๙. มีวินัย
 ----- อีกหนึ่งวินัยอัน นรเรียนและเชี่ยวชาญ
๑๐.มีวาจาเป็นสุภาษิต
 ----- อีกคำเพราะบรรสาน  ฤดิแห่งประชาชน
๑๑.บำรุงมารดาบิดา
 ----- บำรุงบิดามา-ตุระด้วยหทัยปรีย์
๑๒.สงเคราะห์บุตร
 ----- หากลูกและเมียมี ก็ถนอมประหนึ่งตน
๑๓.สงเคราะห์ภรรยา
 ----- หากลูกและเมียมี  ก็ถนอมประหนึ่งตน
๑๔.การงานไม่คั่งค้างอากูล
 ----- การงานกระทำไป บ่มิยุ่งและสับสน
๑๕.ให้ทาน
 ----- ให้ทาน ณ กาลควร
๑๖.ประพฤติธรรม
 ----- และประพฤติ  สุธรรมศรี
๑๗.สงเคราะห์ญาติ
 ----- อีกสงเคราะห์ญาติ  ที่ปฏิบัติบำเรอตน
๑๘.ประกอบการงานไม่มีโทษ
 ----- กอบกรรมะอันไร้  ทุษกลั้วและมัวมล
๑๙.เว้นจากบาป
 ----- ความงดประพฤติบาป  อกุศลบ่ให้มี
๒๐.สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
 ----- สำรวมวรินทรีย์  และสุราบ่เมามล
๒๑.ไม่ประมาทในธรรม
 ----- ความไม่ประมาท  ในพหุธรรมะโกศล
๒๒.เคารพ
 ----- เคารพ ณ ผู้ควร  จะประณตและนอบศีร์
๒๓.สงบเสงี่ยมเจียมตัว
 ----- อีกหนึ่งมิได้มี  จะกระด้างและจองหอง
๒๔.ยินดีด้วยของของตน(สันโดษ)
 ----- ยินดี ณ ของตน  บ่มิโลภทะยานปอง
๒๕.รู้คุณท่าน
 ----- อีกรู้คุณาของ นรผู้ประคองตน
๒๖.ฟังธรรมตามกาล
 ----- ฟังธรรมะโดยกา-ละเจริญคุณานนท์
๒๗.อดทน
 ----- มีจิตตะอดทน และสถิต ณ ขันตี
๒๘.ว่าง่าย
 ----- อีกนัยหนึ่งบ่พึงมี ฤดิดื้อทะนงหาญ
๒๙.เห็นสมณะ
 ----- หนึ่งเห็นคณาเลิศ สมณาวราจารย์
๓๐.สนทนาธรรมตามกาล
 ----- กล่าวธรรมะโดยกาล  วรกิจจะโกศล
๓๑.บำเพ็ญตบะ (ความเพียร)
 ----- เพียรเผากิเลสล้าง  มละโทษะยายี
๓๒. ประพฤติพรหมจรรย์
 ----- อีกหนึ่งประพฤติดี  ดุจะพรหมพิสุทธิ์สรรพ์
๓๓.เห็นอริยสัจ
 ----- เห็นแจ้ง ณ สี่องค์  พระอรียสัจอัน
๓๔.ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
 ----- อีกทำพระนิพพา-  นะประจักษะแก่ตน
๓๕.จิตไม่หวั่นไหวเมื่อต้องโลกธรรม
 ----- จิตใครผิได้ต้อง วรโลกะธรรมศรี
๓๖.จิตไม่เศร้าโศก
 ----- ไร้โศกธุลีสูญ
๓๗.จิตปราศจากธุลี
 ----- ไร้โศกธุลีสูญ
๓๘.จิตเกษม(ปลอดโปร่งจากกิเลส)
 ----- และสบายบ่มัวมล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น